วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ทำสำนวนการสอบสวนล่าช้า

คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อ.899/2556 คดีหมายเลขดำที่ อ.805/2550 
เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

                ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า ขณะที่ผู้ฟ้องคดีรับราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง) มีคำสั่งลงวันที่ 3 มิถุนายน 2542 ตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยกล่าวหาว่าผู้ฟ้องคดีกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานบกพร่องต่อหน้าที่ราชการ กรณีทำสำนวนการสอบสวนคดีอาญาและคดีจราจรบกพร่อง ล่าช้า เป็นเหตุให้สำนวนคดีอาญาเสียหายรวม 7 สำนวนคดี คือ (1) คดีข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ อายุความ 10 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2540 จับกุมผู้ต้องหาได้ในวันเดียวกัน ผู้ต้องหามีประกันตัวเกิน 6 เดือน นายประกันถอนหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2541 สรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2543 พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา แต่ไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องต่อศาลได้ (2) คดีข้อหาจำหน่ายยาบ้า 5 เม็ด อายุความ 20 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2540 จับกุมผู้ต้องหาได้ในวันเดียวกัน ศาลปล่อยตัวเนื่องจากครบผัดฟ้องฝากขังครั้งสุดท้าย (3) คดีข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2541 อายุความ 10 ปี จับกุมผู้ต้องหาได้ในวันเดียวกัน ศาลสั่งปล่อยตัวผู้ต้องหาเนื่องจากครบผัดฟ้องฝากขังครั้งสุดท้ายแล้ว (4) คดีข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน อายุความ 10 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2541 จับกุมผู้ต้องหาได้ในวันเดียวกัน ศาลสั่งปล่อยตัวเนื่องจากครบผัดฟ้องฝากขังครั้งสุดท้ายแล้ว สรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2543 พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา แต่ไม่สามารถนำผู้ต้องหาส่งฟ้องต่อศาลได้ (5) คดีข้อหาอนาจารผู้เยาว์ในที่สาธารณะอายุความ 15 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2541 จับกุมผู้ต้องหาได้ในวันเดียวกันศาลสั่งปล่อยตัวเนื่องจากครบผัดฟ้องฝากขังครั้งสุดท้ายแล้ว สรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2542 พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา แต่ไม่สามารถนำผู้ต้องหาส่งฟ้องต่อศาลได้ (6) คดีข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครอง อายุความ 10 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2541 จับกุมผู้ต้องหาได้ในวันเดียวกัน ศาลสั่งปล่อยตัวเนื่องจากครบผัดฟ้องฝากขังครั้งสุดท้าย สรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2542 พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา แต่ไม่สามารถนำผู้ต้องหาส่งฟ้องต่อศาลได้ (7) คดีข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครอง อายุความ 10 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2541 จับกุมผู้ต้องหาได้ในวันเดียวกัน ศาลสั่งปล่อยตัวเนื่องจากครบผัดฟ้องฝากขังครั้งสุดท้ายแล้ว สรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2542 พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา แต่ไม่สามารถนำผู้ต้องหาส่งฟ้องต่อศาลได้
                ต่อมา คณะกรรมการสอบสวนวินัยมีความเห็นเสนอต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ว่า การกระทำของผู้ฟ้องคดีเป็นความผิดวินัยฐานไม่ประพฤติตนให้เคร่งครัดต่อมารยาทและระเบียบแบบแผนของตำรวจ เกียจคร้านละทิ้งหรือเลินเล่อต่อหน้าที่ราชการ หรือประพฤติไม่สมควรอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยวินัยตำรวจ พุทธศักราช 2477 มาตรา 5 (3) (5) (7) และเสนอให้ลงทัณฑ์ผู้ฟ้องคดีโดยการกักยาม 5 วัน แต่คณะกรรมการพิจารณาทัณฑ์ทางวินัย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พิจารณาให้เพิ่มโทษจากกักยาม 5 วัน เป็นกักยาม 30 วัน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จึงมีคำสั่งลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2544 ลงโทษให้กักยามผู้ฟ้องคดี 30 วัน ตามความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาทัณฑ์ทางวินัย
                หลังจากนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้เสนอผลการลงโทษไปยังผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้มอบอำนาจให้อนุกรรมการคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัย คณะที่ 2 เป็นผู้พิจารณาแทน โดยอนุกรรมการได้พิจารณาเรื่องการลงโทษทางวินัยของผู้ฟ้องคดีในการประชุมเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2545 และในการประชุมเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2546 มีมติให้เพิ่มโทษจากกักยาม 30 วัน เป็นไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จึงมีคำสั่งลงวันที่ 1 เมษายน 2546 สั่งลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการ ผู้ฟ้องคดีได้อุทธรณ์ไปยัง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้พิจารณาเรื่องอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีแล้วมีมติให้ยกอุทธรณ์